ที ไลฟ์ ประกันชีวิต เดินหน้าเพิ่มช่องทางขายผ่านบริษัทโบรคเกอร์ ตั้งเป้าปีนี้แต่งตั้งบริษัทโบรคเกอร์เป็นนายหน้าขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตเพิ่มสัดส่วนเป็น 40% ดันเป้าหมายเบี้ยประกันชีวิตปีนี้ทะลุ 2,000 ล้านบาท ล่าสุดแต่งตั้ง InsureHub หนึ่งในผู้นำบริษัทโบรคเกอร์ที่มีประสบการณ์อย่างยาวนานเป็นนายหน้าขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตของบริษัท
นายวุฒิเลิศ สุวรรณศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ นางสาวนริสรา ยุทธนากรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินชัวร์ฮับ จำกัด ลงนามในสัญญาความร่วมมือแต่งตั้ง InsureHub เป็นนายหน้าขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตของ T Life ซึ่งด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของ InsureHub ที่เป็นบริษัทนายหน้าประกันชั้นนำ จะช่วยขยายช่องทางการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตคุณภาพของ T Life ไปสู่ฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าที่สามารถเลือกซื้อประกันผ่านบริษัทนายหน้าที่มีประสบการณ์ ซึ่งจะให้คำปรึกษาและวางแผนทางการเงินได้อย่างครอบคลุมและเหมาะสม
นายวุฒิเลิศ สุวรรณศรี กรรมการผู้จัดการ ที ไลฟ์ ประกันชีวิต กล่าวว่า T Life มีนโยบายมุ่งเน้นในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในเรื่องของช่องทางการขาย การหาฐานลูกค้าและคู่ค้าใหม่ๆ พร้อมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยเน้นที่ผลิตภัณฑ์ด้านสะสมทรัพย์ การคุ้มครองสินเชื่อ และประกันภัยกลุ่ม ซึ่งจะสามารถสร้างให้สินทรัพย์ในภาพรวมของบริษัท มีการเติบโตมากขึ้นในปีนี้ โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะทำให้บริษัท เติบโตมากขึ้นนั้นคือ การพัฒนาช่องทางการตลาดที่มีอยู่เดิมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยการเพิ่มช่องทางการตลาดในแต่ละช่องทางการขายให้มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับกับคู่ค้าและลูกค้ารายใหม่ๆ ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างตลอดเวลา
โดยในปัจจุบัน ช่องทางขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่สำคัญของบริษัท คือ การขายผ่านบริษัทโบรคเกอร์ ซึ่งในปีนี้บริษัท มีนโยบายในการขายผ่านช่องทางนี้ให้เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 40% ซึ่งการเพิ่มช่องทางขายผ่านบริษัทโบรคเกอร์อย่างต่อเนื่องและมีสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้น จะส่งผลให้บริษัท บรรลุเป้าหมายเบี้ยประกันชีวิตในปีนี้ที่ตั้งไว้จำนวน 2,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน
“นอกจากการพัฒนาช่องทางการตลาดให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นแล้ว บริษัท ยังคงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับคุณภาพของการบริการและการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วนที่บริษัท มีความเกี่ยวข้อง พร้อมทั้งยังเร่งปรับปรุงการทำงานให้มีความทันสมัยโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการดำเนินงานเพื่อให้สามารถพัฒนาคุณภาพในการบริการและประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัท ให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป” นายวุฒิเลิศ กล่าว